
Uncategorized
ชีวิตล่าสุด ติ๊ก ฉัตรมงคล
ย้อนกลับไปยุคหนึ่งแฟนละครจะคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเป็นอย่างดี สำหรับ ‘ติ๊ก ฉัตรมงคล บำเพ็ญ’ อดีตพระเอกดัง ที่ฝากผลงานละครดังไว้มากมายโดยเฉพาะละครพื้นบ้าน ช่วงเช้าเสาร์-อาทิตย์ เช่น

‘ปลายฝนต้นหนาว’ , ‘ดาวพระศุกร์’ , ‘ไกรทอง’ , ‘เกราะเพชรเจ็ดสี’ , ‘ลูกที่ถูกลืม’ , ‘ดาบเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง’ เป็นต้น นอกจากนี้ ‘ติ๊ก ฉัตรมงคล’ เคยแจ้งเกิดสุดๆกับบท ‘พี่ไม้’ ในละครเรื่อง ‘ดอกแก้ว’ เวอร์ชั่น

‘กบ สุวนันท์ คงยิ่ง’ เป็นนางเอกอีกด้วย แต่ว่าโด่งดังอยู่ดีๆอนาคตในวงการบันเทิงกลับดับวูบชั่วข้ามคืน จนถึง ‘ติ๊ก ฉัตรมงคล’ จะต้องทิ้งทุกๆอย่างและชื่อเสียงเงินทองที่เมืองไทยหนีไปใช้ชีวิตอย่างลำบากในต่างประเทศ

ปัจจุบันนี้ ‘ติ๊ก ฉัตรมงคล’ อายุเข้าเลข 5 อายุ 53 ปีเต็มแล้ว รวมทั้งยังคงมีผลงานการแสดงอยู่บ้างในวงการ ซึ่งบอกได้เลยว่าความหล่อยังเป็นอมตะ หน้าเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน กาลเวลาไม่สามารถทำอะไรได้เลย

หากว่าปัจจุบันนี้เจ้าตัวนั้นจะกลับมาใช้ชีวิตที่ไทยแล้ว ถึงจะมีละครบ้างแต่ว่าก็ไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างเหมือนเดิม โชคดีที่ ‘ติ๊ก’ ไม่ใช่ดาราที่จมไม่ลง ถึงจะไม่มีงานและไม่ได้มีชื่อเสียงมีคนห้อมล้อมเอาใจเหมือนสมัยเป็นดาราดัง

แต่ว่าเจ้าตัวก็ไม่น้อยเนื้อต่ำใจ พยายามดิ้นรนหาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพสุจริต อีกทั้งไปเปิดท้ายขายของที่ตลาดนัดเมืองทองธานี นอกจากนี้ยังเคยรวมกลุ่มกับเพื่อนรับจ้างผลิตรายการ ปัจจุบันติ๊กกลับมาเล่นละครในบทตัวร้าย

หลังร้างจอไปนาน เรื่อง ‘คาดเชือก’ เปิดเผยทุ่มเทหมดตัวรวมทั้งหวังกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง ฝันอยากเป็นตัวแทน ‘ฤทธิ์ ลือชา’ เพราะว่าชื่นชมในฝีมือทางการแสดง แพลนบั้นปลายชีวิตจะผันตัวเองไปเป็นนักพยากรณ์

เรียกว่าในสมัยนั้น ‘ติ๊ก ฉัตรมงคล’ ถือได้ว่าพระเอกดาวรุ่งที่มีชื่อโด่งดังมาก ถือว่าเป็นพระเอกในดวงใจของคนอีกหลายๆคนเลยก็ว่าได้ แต่ว่าก็น่าเสียดายอยู่ไม่น้อยที่เราจะไม่ได้มองเห็น ‘ติ๊ก’ กลับมาเฉิดฉายในบทพระเอกอีก

“ตอนนั้นผมเคยไปเปิดท้ายขายของที่ตลาดนัดเมืองทอง เมื่อหลายปีที่แล้ว เป็นงานที่ผมได้ลองทำมอง ในตอนนั้นขายสร้อยเลทที่เป็นทองเหลืองรวมทั้งรองเท้าสานของผู้หญิง แต่ว่าในตอนนี้ไม่ได้ไปแล้วเพราะว่าขายไม่ค่อยรุ่งเลยเลิก

ใครจะดูตกอับจะต้องมาขายของเปิดท้ายเป็นผมไม่ได้ดูตรงนั้น ไม่ได้อายที่จะงาน อย่างการที่ผมไปขายอย่างนั้นผมหวังต่อยอดขายส่งด้วย เวลาลูกค้ามาเห็นของเราแล้วเขาสั่งไปขายต่อ เราไม่ได้หวังขายปลีกอย่างเดียว

ผมไม่สนใจว่าคนจะดูถูกเรามั้ย ผมอยากทำให้เขาเห็นด้วยว่าเราขยันไม่เกี่ยงงาน พวกเรามีความรู้ความสามารถทำได้หลายๆอย่าง สายตาคนอื่นกำหนดชีวิตผมไม่ได้ คนเราจะต้องกินจะต้องใช้ถ้าเกิดจะมัวแต่กลัวว่าคนอื่นจะดูเรายังไง

ชีวิตมันจะยุ่งไปมั้ย ผมค่อนข้างคิดแผนชีวิตให้ตนเองไม่ได้อยากแบบว่าแก่ตัวไปแล้วโดนว่าได้ว่าเพียงแค่ค่ารักษาพยาบาลตัวเองยังไม่มีเลย เดี๋ยวนี้ผมขายของบนอีเบย์ ซึ่งรายได้ที่ได้มาก็โอเคเลยนะ

ผมมาจากครอบครัวที่ออกจะยากจนอยู่แล้ว เติบโตมาพร้อมกับการจะต้องดิ้นรนอยู่แล้ว ไม่ใช่มาจากคนที่มีความสุข ตอนเข้าวงการผมอายุ 20 กว่าแล้วนะ วิถีชีวิตมันมีขึ้นมีลงมันเป็นเรื่องปกติของคนเรานะ ผมเป็นคนที่

รู้เรื่องสัจธรรมชีวิต ในวันที่เราไม่ได้โด่งดังหรือมีคนห้อมล้อมเหมือนเดิม มันก็เลยไม่ถึงกับขาก้าวไม่ออกมือไม้หมดแรงมันไม่ใช่นะครับ (หัวเราะ) ราวกับที่มีคนเคยพูดไว้ว่าชีวิตจะต้องเดินไปข้างหน้าทุกวัน

มีน้อยก็ใช้น้อย การเป็นดาราก็ราวกับนักธุรกิจล่ะ ปีนี้เราบางทีก็อาจจะประสบความสำเร็จ แม้กระนั้นปีหน้าเราอาจเจ๊งก็ได้ อย่างพระเอกบางคนก็ไม่ได้เป็นพระเอกตลอด ผมก็เข้าใจสัจธรรมตรงนี้”