
Uncategorized
เปิดชีวิต “แคท รัตกาล” หลังวางไมค์
เชื่อว่าหลายคนยังคงจำภาพนักร้องสาวชาวเหนือคนนี้กัน แคท รัตกาล เจ้าของเพลงดังมากมายในอดีต หนึ่งในนั้นก็มีเพลง ก้อนหินสิ้นใจ จนถึงกลายเป็นนักร้องในดวงใจของใครหลายคน ปัจจุบันเขาไม่ค่อยมีผลงานเพลงให้แฟนเพลงได้ชมกัน เนื่องจากตัดสินใจหันหลังให้กับวงการบันเทิง แล้วไปใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ และวันนี้เราก็มีภาพของคุณมาฝากกันจ้ะ

เป็นที่รู้กันดีว่า อดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดังจากค่ายอาร์สยาม อย่าง แคท รัตกาล เจ้าของเพลงดังอย่าง ก้อนหินสิ้นใจ และ ไว้อาลัยสายลม มีความซาบซึ้งในทางธรรมเป็นอย่างมาก

จนได้ตัดสินใจทิ้งการทำงานในวงการบันเทิงไปปฏิบัติธรรมอย่างตั้งใจ ปัจจุบัน ได้มีภาพของ แคท รัตกาล ตัดผมเกือบจะเกรียนไปเมื่อช่วงต้นปี 2559

แล้วก็หลังจากนั้นมา สาวแคท ก็ได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่เรียบง่ายและธรรมดา แต่ว่าไม่ได้ใส่เสื้อสีขาว แต่เป็นสีน้ำตาลเข้ม และเดินทางไปปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่างๆอยู่เสมอ

และนอกจากนี้ เธอยังคงใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและสมถะ พร้อมกับโพสต์ข้อความธรรมะเพื่อข้อคิดแฟนๆที่ติดตามได้อ่านอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเมื่อเห็นภาพปัจจุบันของอดีตนักร้องชื่อดังกับภาพเมื่อก่อน

ทำเอาจำแทบไม่ได้เลย แคท ปฎิบัติธรรมมาหลายปี ทำให้เราเห็นตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอก รู้สึกจิตใจเรามีการปลง ไม่ใช่ว่าเราตัดกิเลสนะ แต่พวกเรารู้ว่าพวกเราควรหยุด

แต่ติดตรงอาชีพนักร้องเรา เลยตัดสินใจว่าจะหยุดงาน” ในเวลานั้น “แคท” พยายามจะเคลียร์ให้จบภายในสิ้นปี 2558 “วัดมีที่ให้นอน” ซึ่งเราใช้เงินเท่าที่จำเป็น

น่าจะอยู่ได้ แต่ยังไม่ต้องโกนหัว กะว่า ปฎิบัติให้ถึงจุดหนึ่งก่อน เราทดลองถือศีลแปดมาหลายปีแล้ว เรียกว่าเราปลงกับชีวิตแล้ว ไม่ใช่คนอกหักรักคุด แคทเคยมีแฟน เราหยุดการโหยหาตอนที่เรายังเป็นแคท รัตกาล”

ปลายปีนี้ แคท จึงแขวนไมค์ และปฏิบัติธรรมอยู่บ้านสวนปันสุข วัดคีรีสุบรรพต หรือวัดสามัคคีบุญญาราม จ.จังหวัดลำปาง หลายปีก่อน แคท รัตกาล-พุทธชาติ ยศแก้วอุด นักร้องคนดังประกาศว่า เธอจะลาจากวงการบันเทิง

ทอดทิ้งชื่อเสียง เพื่อไปปฏิบัติธรรม และจากวันนั้นถึงวันนี้แคท ก็มุ่งมั่นไปตามที่กล่าวไว้ โดยเจ้าตัวเปิดใจกับ ‘มติชนออนไลน์’ ว่า “ณ ตอนนั้น มีการปฏิบัติธรรมมาก่อนหลายปี.

ที่ปฏิบัติก็เพราะอยากฝึกสมาธิเพื่อให้สอบใบโปรกอล์ฟผ่าน ปฏิบัติธรรมมาเรื่อยๆฟังพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ฟังสถานีวิทยุต่างๆแล้วมันก็เริ่มเบื่อแวดวง”

อย่างไรก็ตามตอนแรกไม่คิดถึงขั้นอำลา “คิดจะเอาทั้งสองทาง ทั้งทางโลกและทางธรรรม แต่พอมาถึงจุดของทางธรรมมากๆเข้า บางอย่างที่เรียกว่าอัศจรรย์ สิ่งที่วิเศษมากๆเลย”

ก็คือทำให้เราเห็นอะไรบางอย่าง แบบหยาบๆก่อน ว่าสิ่งที่เรากำลังทำงานอยู่ เป็นสิ่งที่ยั่วยวนเขานะ มันไม่ดี พอไปทำงาน ไปร้องเพลงก็เริ่มเบื่อหน่าย เบื่อการแต่งตัว เบื่อการร้อง.

ไม่กระตือรือร้นในการทำงานกับทีม เลยมีความรู้สึกว่า น่าจะถึงเวลาแล้ว ถึงวาระกรรมของมัน ทั้งยังบาปดีรวมทั้งเรื่องไม่ดี ถึงวาระที่เราต้องหยุดในกรรมทางโลก แล้วมากระทำกรรมในทางธรรม”

“มีงานเพลงมาตลอดตอนนั้น แต่เราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ รู้สึกว่าถ้าเราตายไปก่อนจะเป็นยังไง จะหมดโอกาสปฏิบัติธรรมนะ”

แต่ขณะที่ยังตัดสินใจไม่ได้เด็ดขาด อุบัติเหตุรถชนที่พบเจอระหว่างเดินทางในประเทศอินเดียก็มาเป็นตัวช่วยในการตัดสิน

“เราเห็นภาพอุบัติเหตุ พี่น้องในทัวร์เลือดตกยางออก เลยรู้สึกว่า ไม่ได้แล้ว ชีวิตที่เหลือจะประมาทไม่ได้แล้ว ขณะเราไปทัวร์คอนเสิร์ตต่างๆเราจะซิ่งรถตู้ไปให้ทันงาน

เห็นภาพวินาทีเฉียดตายบ่อย ก็ไม่อยากตายก่อนที่จะเอาอะไรไปไม่ได้ เล่าอีกว่า แรกๆที่สนใจ ซึ่งอยู่ในช่วงปี 2548 เธอเริ่มต้นด้วยการฟังเทปธรรมะ ขณะรอรถเคลื่อนตัวบนท้องถนน
