Connect with us

Uncategorized

ไฮโซหนุ่มขอห่างกลางกองถ่าย

กิ๊ฟท์ซ่า ปิดฉากรักมาราธอน 13 ปี ไฮโซนัท เหตุมองดูอนาคตแตกต่างกัน เล่านาทีเหวอ! ฝ่ายชายขอห่างกลางกองถ่าย รับเศร้าใจแต่ว่าไม่เศร้านาน ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างนับว่าเป็นบทเรียนชีวิต




วันที่ 31 เดือนสิงหาคม65 ที่ลานพิฆเนศ ช่อง7HD กิ๊ฟท์ซ่า ปิยา พงศ์กุลภา ศิลปิน-นักร้องชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ในงานบวงสรวงละคร ฮักหลายมายเลดี้ ค่ายมงคลดีฯ ถึงความเกี่ยวข้องกับ ไฮโซนัท ณัฐพล สารสาส ที่ช่วงนี้เลิกรากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ้นสุดทางรักมาราธอน 13 ปี ด้วยเหตุผลที่มองดูอนาคตแตกต่างกัน


หัวใจตอนนี้? “ในขณะนี้โสดมากจ้ะ ไม่มีคนคุยด้วย ไม่มีคนมาจีบ และไม่คุยกับใครด้วย ทำงานอย่างเดียว หาเลี้ยงชีพ(ยิ้ม)”


แฮปปี้กับความโสดน่าดู? “มากเลยคะ คือเราคบกับคนก่อนหน้านี้มา 13 ปี แล้วก่อนหน้านั้นเรามีแฟนอีกคนคบมา 4 ปี รวมทั้งสิ้นเราไม่ได้โสดมาเลย 17 ปีนะค่ะ แล้วในขณะนี้มาโสด ช่วงแรกก็รู้สึกคว้างเคว้งๆเนอะ สไตล์คนมีคนรักมาตลอด แม้กระนั้นพอโสดเข้าจริงๆเราเริ่มอยู่กับตัวเองได้ คิดว่าไม่ต้องการให้คนไหนกันมาเข้าในพื้นที่เรา เริ่มรู้สึกว่าฉันมีความสุขกับการอยู่กับตัวเอง มีความสุขในสิ่งที่ฉันอยากดู รับประทานอะไรก็ได้ ไปนั่งรับประทานข้าวคนเดียวก็ไม่ได้มีความเหงาอะไรเลย แปลกมากค่ะ”


13 ปีไม่เสียดายบ้างหรอ? “มันก็ต้องมีอกหักกันบ้าง มันก็ค่อนข้างจะที่จะทันควันนิดนึง เวลานี้เป็นช่วงโควิดด้วยก็เลยไม่ได้เจอพี่ๆสื่อ ได้แม้กระนั้นสัมภาษณ์กับสื่อหนึ่งเพียงแค่นั้น เลยไม่ได้กล่าวเรื่องรายละเอียด แต่เหมือนกับทางที่เรากำลังจะเดินไปด้านหน้ากับทางของเขามันคนละทางกันค่ะ เราก็เลยตกลงใจเลิกรากัน นี่ก็จะปีหนึ่งแล้วนะ”

แต่เหมือนมีข่าวสารว่ามีแพลนจะแต่งงานแล้ว? “ใช่ ของบางอย่างพอมันไม่ใช่ในสิ่งที่มันควรจะเป็นมันก็จำเป็นต้องจบ เป็นเราก็เป็นแนวธรรมะเนอะ เราก็คิดว่าตนเป็นที่พึ่งที่ตน เราก็มีความรู้สึกว่าถ้าหากจะเดินไปด้านหน้าพวกเราจำต้องเดินไปได้ด้วยตัวเอง ด้วยการตัดสินใจของเราเอง หรือแม้เราจะมีคู่ก็ควรตัดสินใจด้วยตัวเราเองเช่นเดียวกัน ในเมื่อทางมันแยกกันไปเป็นคนละทางไปแล้ว พวกเราก็มีความคิดว่าช่างเถอะ เราก็เริ่มจากตัวเองใหม่”

สาเหตุหลักคือการมองอนาคตต่างกัน? “ใช่ คือเนื่องจากว่าพวกเรามีคุณพ่อและก็คุณแม่ที่ปลูกฝังพวกเรามาตลอดว่าต้องการที่จะให้แต่งงาน สร้างครอบครัวที่มั่นคง พวกเราก็จะมีมุมมองในทางนั้น แต่ว่ากับทางเขาบางครั้งอาจจะดูกันคนละทาง ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ทางไม่ดีนะ ด้วยเหตุว่าแต่ละคนมันก็มีมุมมองที่ต่างๆนาๆ แม้กระนั้นเราโดนปลูกฝังมาว่าควรต้องสร้างความมั่นคงให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องของอาชีพ ฐานะด้านการเงิน หรือครอบครัว”

มีความหมายว่าทางเราอยากแต่ง แต่ว่าทางนั้นยังไม่พร้อม? “ก็คงจะประมาณนั้นค่ะ(ยิ้ม) (แม้กระนั้น 13 ปีมันไม่ใช่เวลาน้อยๆ?) กิ๊ฟท์เห็นว่าเวลามันเป็นสิ่งที่ให้พวกเราได้รับบทเรียนมากยิ่งกว่า พวกเราศึกษาอะไรจากเวลา เรียนรู้อะไรจากจุดบกพร่องในชีวิตพวกเรา ศึกษาเพื่อจะไม่ทำผิดซ้ำ หากสมมติอนาคตมีสิ่งที่พวกเราคิดแล้วว่าอนาคตอาจก่อให้พวกเราเดินพลาด พวกเราก็จะเข้าใจแล้วว่าพวกเราจะเดินกับมันอย่างไร เนื่องจากว่าในทางข้างหน้ามันจะมีปัญหาอุปสรรคมาเรื่อยล่ะ เพียงแต่พวกเราจะมีวิธีการแก้ที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมได้จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา”

ถือว่าจบกันด้วยดีไหม? “ยังไม่ได้คุยกันเลยคะ (อยู่ๆก็ห่างกันไปเลยหรอ?) ใช่ เป็นจริงๆกิ๊ฟท์มองว่าความเงียบก็น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุดนะคะ(ยิ้ม)”

เงียบแบบนี้มาตลอด 1 ปี? “โดยประมาณปีหนึ่ง เอาจริงๆตอนแรกก็สงสัย แต่ว่าเนื่องจากว่าพวกเราโตขึ้นแล้ว พวกเราจะไม่มีการที่จะมาง้องแง้ง วอแว ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็มีดีลกันแบบโตๆบางทีคนเราอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีวิธีการเผชิญหน้าปัญหาที่ต่างกัน กรรมวิธีเผชิญหน้าของกิ๊ฟท์คือกิ๊ฟท์เป็นคนชัดเจน แต่ว่าหลายๆคนในตอนที่เขาประสบปัญหาเขาอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีทางเลือกของเขาที่ไม่เหมือนกับเรา”

มีสัญญาณอะไรมาก่อนไหม? “ไม่มีสัญญาณ (หัวเราะ) คือวันนั้นเราถ่ายละครวันสุดท้าย แต่ตอนโควิดเราก็ไปอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต แต่พอมาตรการการถ่ายละครมันดียิ่งขึ้น เราก็บินมาถ่ายละครที่จังหวัดกรุงเทพ และวันนั้นเป็นวันถ่ายละครวันสุดท้ายเรื่องกองปั่นป่วนฯ ซิทคอมของพี่เติ้ลนี่ล่ะ เราก็โทรไปว่าจะขึ้นมากรุงเทพฯ หรือจะให้เราลงไปจังหวัดภูเก็ต เพราะว่าวันนี้ถ่ายละครวันสุดท้าย เขาก็บอกว่าเราก็น่าจะห่างๆกันหน่อยแล้วกันนะ เราก็สับสนว่าคืออะไร แล้วมันเหมือนฉากละครเลย น้องในกองมาเคาะกระจกบอกว่าพี่กิ๊ฟท์เข้าซีน เขาก็บอกให้เราไปทำงานก่อน เราก็โอเค เดี๋ยวค่อยคุยกันแล้วหลังจากนั้นก็วางไป จากนั้นก็ไม่ได้คุยอีกเลย (หัวเราะ)”

แล้วตอนกลับไปเข้าฉาก อารมณ์เราไม่กระเจอะกระเจิงแล้วหรอ พบเขาบอกทิ้งท้ายอย่างนั้น? “เราโปรเฟสชั่นนอลขนาดนั้นยังไง เดอะโชว์มัสต์โกออน ด้วยความเกิร์ลลี่เบอร์รี่ตั้งแต่เด็ก เราเดอะโชว์มัสต์โกออนตลอด มันไม่มีปัญหาอะไรเลยคะ”

จากนั้นเราได้โทรกลับไปไหม? “โทรค่ะ แต่ว่าเขาไม่รับ แต่ว่าเราก็ไม่ได้โทรเยอะแยะนะ ไม่เกิน 5 ครั้งในรอบก่อนหน้าที่ผ่านมาปีหนึ่ง (แล้วเงียบกันมาตลอดเลยหรอ?) เงียบ ใช่ค่ะ พอเงียบเราก็ตัดสินใจเองเลย เราเป็นคนตัดสินใจเอง ฝากเพื่อนเขาไปบอก เขาก็ไม่ได้มีฟีดแบ็กอะไรกลับมา”

เรียกว่าพวกเราโดนเทได้ไหม? “ไม่รู้จักจะพูดยังไง เพราะว่ามันเหมือนเราเป็นคนเดินออกมา เนื่องจากเขาไม่ได้อยู่จังหวัดกรุงเทพ เป็นเราก็ไม่ได้มีอะไร เราไม่ได้จะทำอะไร ไม่ได้ไปไหน คือไม่ได้มีใครทำอะไรผิด เพียงแต่มันถึงจุดที่มันเป็นทางแยก เป็นสมัยโควิดมันพิสูจน์อะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องเศรษฐกิจ สังคมและก็ความเกี่ยวข้องระหว่างแฟน ระหว่างแฟน ระหว่างเพื่อน และยังรวมไปถึงระหว่างคนที่อาศัยอยู่ภายในครอบครัว กิ๊ฟท์ถึงพูดว่ามันเป็นจุดที่เปลี่ยนเพื่อให้พวกเราเดินไปด้านหน้าด้วยความเด็ดเดี่ยวหรือไม่”

ถ้าหากได้พบกันล่ะ จะเคลียร์จะมองหน้ากันได้ไหม? “คงจะไม่จัดการค่ะ เนื่องจากมันผ่านมาแล้ว ในส่วนตัวกิ๊ฟท์มีความรู้สึกว่าสิ่งที่มันเกิดมาแล้ว มันผ่านไปแล้ว พวกเราก็ให้มันผ่านไป เราใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันนี้ เราสร้างเขตของปัจจุบันให้ดีเพื่ออนาคตเราที่ดี ด้วยเหตุนั้นอะไรก่อนหน้านี้แล้วกิ๊ฟท์คิดว่ามันเป็นบทเรียน เหมือนประสบการณ์ที่เราจะเก็บไว้ใช้ได้ในหลายๆอย่างในชีวิต”

“คนบางครั้งก็อาจจะเห็นว่าการที่พวกเรามีชีวิตคู่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ว่าในที่สุดมันจะเป็นประสบการณ์ที่จะสอนเราสำหรับการพบคนภายในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการทำงาน คู่ชีวิต หรือครอบครัว มันจะทำให้เราได้ศึกษาว่าอีกหน่อยในอนาคตเราจะสามารถที่จะดีลกับคนอื่นแบบไหนได้”

มีเสียน้ำตาไหม? “เสียสิ (หัวเราะ) แต่ว่าก็ร้องไม่นาน กิ๊ฟท์ใช้เวลาอยู่ราวๆเดือนหนึ่ง เนื่องจากว่าเราก็ไม่ได้อายุน้อยแล้ว ด้วยเหตุผลดังกล่าวพวกเราจะต้องดีลกับสิ่งที่เราพบเจอ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องนี้หรือเรื่องอะไรแบบคนแก่ คืออย่าเสียเวลาเกินความจำเป็น เรารู้สึกอย่างไรไม่มีผู้ใดมาช่วยเราได้ เราคนเดียวที่สามารถจะช่วยตนเองให้ลุกขึ้นยืนมาได้”

“นี่เป็นสิ่งที่กิ๊ฟท์ทำความเข้าใจมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งเราเศร้านานเพียงใด มันจะยิ่งทำให้เรายืนขึ้นได้ช้า เสียเวลา เราก็เดินไปด้านหน้าได้ช้า เหมือนเราสร้างเหตุที่มันฝังใจไว้ ถ้าเกิดเราไม่รีบจัดการให้มันออกไป ความฝังใจนั้นมันก็จะอยู่กับเรายาวเลย แล้วก็อนาคตของเราจะเป็นอย่างไร ในเมื่อ 13 ปีนั้นมันเป็นสิ่งที่เป็นประสบการณ์ที่เราได้ทำความเข้าใจไปแล้ว”

ผิดหวังในตัวเขาไหม เนื่องจากว่าจริงๆไม่ต้องเลิกด้วยวิธีการแบบนี้ก็ได้? “ถามปัจจุบันนี้กิ๊ฟท์มีความรู้สึกว่าจริงๆแล้วมันอาจจะเป็นทางออกที่ดีแล้วก็ได้ คือไม่ว่าการแสดงออกหรือการจัดการปัญหาจะเป็นแบบไหน กิ๊ฟท์สารภาพในที่ตรงนั้นเลย เนื่องจากว่าในที่สุดผู้ที่จะต้องดีลกับชีวิตเราคือตัวเราเอง”

มีใครดามหัวใจให้ไหม? “มันก็มีบ้างก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา (ยิ้ม) แต่ว่าก็เหมือนเป็นอารมณ์มาอยู่ให้ใจเรามันได้คิดเรื่องอื่นมากกว่า จริงๆเสียใจอยู่เดือนหนึ่ง ใช้เวลา 3 เดือนสำหรับการตั้งตัว พอใจเราเข้มแข็งขึ้นเราก็รู้สึกว่าเราจะต้องเดินไปข้างหน้าแล้วล่ะ เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนในชีวิตเราที่เราตั้งใจไว้”

ไม่ได้ทำให้เรากลัวหรือเข็ดขยาดความรักใช่ไหม? “เอาจริงเอาจังๆไหม (ยิ้ม) ก็จะต้องมีกลัวนะ เราเป็นมนุษย์เนอะ แต่ว่ามันไม่ใช่กลัวอย่างงั้น เป็นเรารู้ดีว่าถ้าเกิดเรามีแฟนเราจะเป็นคนทุ่มเทเต็มที่ เราจริงจังและก็จริงใจมาก ถ้าหากสมมติปัจจุบันนี้เรามาโฟกัสที่ตัวเอง โฟกัสที่การงานที่มั่นคงของเรา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ คือกิ๊ฟท์แพลนว่าเล่นละครอีกกี่ปีแล้วจะเทิร์นนิ่งงข้างหลัง คิดแผนชีวิตไว้หมดแล้วหลังจากนั้นก็เลยไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามา รบกวนสมาธิมากกว่า”

ปัจจุบันนี้ก็มีภูมิคุ้มก็เรื่องความรักดีเยี่ยม? “ถ้าหากเทียบกับวัคซีนโควิดก็น่าจะประมาณ 10 เข็ม (หัวเราะ)”

error: Content is protected !!